คุณค่าทางอาหารของเมล็ดเจีย เจีย (เชีย) ซีด 100%
-
ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง
-
ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่ายๆ
-
ช่วยบำรุงสมองและความจำ
-
ป้องกันโรคกระดูกพรุน
-
ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น
-
ช่วยลดน้ำหนัก
-
ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ
-
ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง ท้องไม่ผูก
-
ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น
-
ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย (ช่วยให้หน้าเด็ก)
เป็นธัญพืชมหัศจรรย์ ของผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ความดัน เบาหวาน และผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณ สุขภาพภายใน บริโภคอย่างแพร่หลายประโยชน์ เจีย เชีย ซีด 100%ปัจจุบันเมล็ดเจีย จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่นักกีฬา นักโภชนาการ กลุ่มชีวจิต มังสวิรัติ อีกทั้งยังเป็นที่นิยม ชื่นชอบของผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ความดัน เบาหวาน และผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณ สุขภาพภายใน บริโภคอย่างแพร่หลาย
ประโยชน์ของ เจีย เชีย ซีด 100%
Fiber (ไฟเบอร์ ) - ช่วย เรื่องระบบขับถ่ายและการควบคุมน้ำหนัก เปลือกของเมล็ดเจีย ที่มีลักษณะพิเศษอุ้มน้ำ ทำให้เกิดเมือกที่เป็นไฟเบอร์สูงถึง 38% จึงทำให้รู้สึกอิ่ม เมื่อรับประทานเป็นพิเศษ และไม่อยากรับประทานจุกจิก นอกจากนั้น ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยหล่อลื่นอาหารภายในลำไส้ สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย
Omega 3 (โอเมก้า 3) - ช่วย บำรุงสมองและความจำ จากการศึกษาพบว่า เมล็ดเจียเป็นหนึ่งทางเลือก ในการดูแลสมองและระบบความจำ เพราะมีค่า DHA ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง สูงมาก
Calcium (แคลเซียม) - ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง ห่างไกลโรคกระดูกพรุน คุณค่าของแคลเซียมในเมล็ดเจียนั้น มีประโยชน์ต่อการบำรุงกระดูกและฟันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมล็ดเจียให้คุณค่า แคลเซียมสูงกว่าการบริโภคนมวัว ถึง 5 เท่า
Vitamin (วิตามิน) & Mineral (เกลือแร่) - เมล็ดเจียอุดมไปด้วยวิตามิน A, B, C, E รวมถึงแร่ธาตุ Iron (เหล็ก) Magnesium (แม็กนีเซียม) Zinc (ซิงค์) Selenium (ซีลีเนียม) Copper (คอปเปอร์) Manganese (แมงกานีส) ถึงแม้จะเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่สารอาหารเหล่านี้ ก็เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย และฮอร์โมน
Mucilage (มูซิเลจ) - ช่วยบำรุงระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิต และระดับคอเรสเตอรอลได้เป็นอย่างดี
Protien (โปรตีน) - ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและให้พลังงาน
Antioxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ) - ทำให้ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนเยาว์ แข็งแรง กระจ่างใส
ข้อยกเว้นน่ารู้ของเมล็ดเจีย
แม้ว่าเมล็ดเจียจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับคนบางกลุ่ม ซึ่งก็มีข้อมูลที่เป็นคำเตือนจากหลายองค์กรสำคัญ ได้แก่ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน (AHA) ผลการวิจัยทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยโตรอนโต และบริษัทผู้ผลิตอาหารสุขภาพในสหรัฐฯ เผยตรงกันว่า เมล็ดเจียอาจไม่ได้กินแล้วดีต่อสุขภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ปัญหาเรื่องสุขภาพดังต่อไปนี้
* คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น มีแก๊สในกระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก รวมถึงกรดไหลย้อนนั้นหากกินเมล็ดเจียเข้าไปแล้ว จะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะเส้นใยไฟเบอร์ที่ขยายตัวในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 ที่จะยิ่งกระตุ้นให้ตับอ่อนเร่งสร้างน้ำย่อยออกมานั่นเอง
* ข้อมูลจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม ผ่าตัด หรือ มีประวัติการใช้ยาแอสไพริน ไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะจะยิ่งทำให้หลอดเลือดบางลง ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดภาวะฮีโมฟิเลีย (Haemophiliacs) หรือภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า เลือดไหลไม่หยุด
* มีงานวิจัยเผยว่าผู้ชายไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียมากเกินไป เพราะในเมล็ดเจียมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวแอลฟา ลิโนเลอิก (alpha-linoleic acid) ที่จะไปกระตุ้นให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางบทความระบุว่าไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ยังคงต้องศึกษาต่อไป แต่เพื่อความปลอดภัย ผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากควรงดการบริโภค
* ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อแรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวให้ต่ำลง (Diastolic blood pressure) อาจก่อให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
|